๑๓๖. |
อกฺโกธโน อนุปนาหี |
อมกฺขี สุทฺธตํ คโต |
|
สมฺปนฺนทิฏฺิ เมธาวี |
ตํ ชฺา อริโย อิติ. |
|
ผู้ใดไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ไม่ลบหลู่ ถึงความหมดจด มีทิฏฐิ
สมบูรณ์ มีปัญญา, พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นอริยะ. |
|
( สารีปุตฺตเถร ) |
ขุ. ปฏิ. ๓๑/๒๔๑. |
|
|
|
๑๓๗. |
อกฺโกธสฺส กุโต โกโธ |
ทนฺตสฺส สมชีวิโน |
|
สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส |
อุปสนฺตสฺส ตาทิโน. |
|
ผู้ไม่โกรธ ฝึกตนแล้ว เป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นเพราะรู้ชอบ
สงบระงับ คงที่ จะมีความโกรธมาแต่ไหน. |
|
( นฺหาตกมุนีเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๓๔. |
|
|
|
๑๓๘. |
อจฺฉิทฺทวุตฺตึ เมธาวึ |
ปฺาสีลสมาหิตํ |
|
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว |
โก ตํ นินฺทิตุมรหติ. |
|
ใครควรจะติคนฉลาดประพฤติไม่ขาด ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีล
ประดุจแท่งทองชมพูนุท. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๔๕. |
|
|
|
๑๓๙. |
อนาคตปฺปชปฺปาย |
อตีตสฺสานุโสจนา |
|
เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ |
นโฬว หริโต ลุโต. |
|
คนเขลาย่อมซูบซีด เพราะคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง เพราะ
เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เหมือนต้นอ้อสดที่ถูกตัด. |
|
( พุทฺธ ) |
สํ. ส. ๑๕/๗. |
|
|
|
๑๔๐. |
อนุทฺธโต อจปโล |
นิปโล สํวุตินฺทฺริโย |
|
กลฺยาณมิตฺโต เมธาวี |
ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา. |
|
คนฉลาด ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่คลอนแคลน มีปัญญา สำรวมอินทรีย์
มีมิตรดี พึงทำที่สุดทุกข์ได้. |
|
( อฺาโกณฺฑฺเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๖๖. |
|
|
|
๑๔๑. |
อปฺปสฺสาทา ทุกฺขา กามา |
อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต |
|
อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ |
รตึ โส นาธิคจฺฉติ. |
|
กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก, บัณฑิตรู้ดังนี้แล้ว
ไม่ใยดีในกามแม้เป็นทิพย์. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๔๐. |
|
|
|
๑๔๒. |
อสฺสทฺโธ อกตฺู จ |
สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร |
|
หตาวกาโส วนฺตาโส |
ส เว อุตฺตมโปริโส. |
|
นรชนใด ไม่เชื่อ ( ตามเขาว่า ) รู้จัดพระนิพพาน อันอะไร ๆ
ทำไม่ได้ ตัดเงื่อนต่อได้ มีโอกาสอันขจัดแล้ว และคาย
ความหวังแล้ว, ผู้นั้นแล เป็นบุรุษสูงสุด. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๒๘. |
|
|
|
๑๔๓. |
อโยเค ยฺุชมตฺตานํ |
โยคสฺมิฺจ อโยชยํ |
|
อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี |
ปิเหตตฺตานุโยคินํ. |
|
ผู้ประกอบตนในสิ่งที่ไม่ควรประกอบ และไม่ประกอบตนในสิ่ง
ควรประกอบ ละประโยชน์เสีย ถือตามชอบใจ ย่อมกระหยิ่ม
ต่อผู้ประกอบตนเนือง ๆ. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๔๓. |
|
|
|
๑๔๔. |
อสตฺจ สตฺจ ตฺวา ธมฺมํ
อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก
เทวมนุสฺเสหิ จ ปูชิโต โย
โส สงฺคชาลมติจฺจ โส มุนิ.
|
|
ผู้ใดรู้ธรรมของอสัตบุรุษและของสัตบุรุษ ทั้งภายใน ทั้งภายนอก
มีเทวดาและมนุษย์บูชาในโลกทั้งปวง ผู้นั้นจึงล่วงข่ายคือ
เครื่องข้องได้ และเป็นมุนี. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๔๓๒.
ขุ. มหา. ๒๙/๔๐๖. |
|
|
|
๑๔๕. |
อากาเสว ปทํ นตฺถิ |
สมโณ นตฺถิ พาหิโร |
|
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ |
นตฺถิ พุทฺธานมิฺชิตํ. |
|
สมณะภายนอกไม่มี, สังขารเที่ยงไม่มี, ความหวั่นไหวของ พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มี, เหมือนรอยเท้าไม่มีในอากาศ. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๔๙. |
|
|
|
๑๔๖. |
อุฏฺานวโต สตีมโต |
สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน |
|
สฺตสฺส จ ธมฺมชีวิโน |
อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ. |
|
เกียรติยศย่อมเจริญแก่ผู้ขยัน มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญ
แล้วจึงทำ สำรวมแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๑๘. |
|
|
|
๑๔๗. |
อุตฺตมํ ธมฺมตํ ปตฺโต |
สพฺพโลเก อนตฺถิโก |
|
อาทิตฺตาว ฆรา มุตฺโต |
มรณสฺมึ น โสจติ. |
|
ผู้บรรลุธรรมอย่างสุงสุด ไม่มีความต้องการในโลกทั้งปวง
ย่อมไม่เศร้าโศกในเพราะความตาย เหมือนพ้นจากเรือน
ถูกไฟไหม้. |
|
( ปาราสริยเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๗๐. |
|
|
|
๑๔๘. |
อุยฺยฺุชนติ สตีมนฺโต |
น นิเกเต รมนฺติ เต |
|
หํสาว ปลฺลลํ หิตฺวา |
โอกโมกํ ชหนฺติ เต. |
|
ผู้มีสติย่อมหลีกออก ท่านไม่ยินดีในที่อยู่ ท่านย่อมละที่อยู่ได้
ดุจหงส์ละเปือกตมไปฉะนั้น. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๒๗. |
|
|
|
๑๔๘. |
กายมุนึ วาจามุนึ |
เจโตมุนิมนาสวํ |
|
มุนึ โมเนยฺยสมฺปนฺนํ |
อาหุ สพฺพปหายินํ. |
|
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงผู้นิ่งทางกาย นิ่งทางวาจา นิ่งทางใจ
ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา ผู้ละสิ่งทั้งปวงได้ ว่าเป็นมุนี. |
|
( พุทฺธ ) |
องฺ. ติก. ๒๐/๓๕๒. |
|
|
|
๑๕๐. |
กายสุจึ วาจาสุจึ |
เจโตสุจิมนาสวํ |
|
สุจึ โสเจยฺยสมฺปนฺนํ |
อาหุ นินฺหาตปาปกํ. |
|
บัณฑิตกล่าวถึงผู้มีกายสะอาด มีวาจาสะอาด มีใจสะอาด
ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยความสะอาด ล้างบาปแล้ว ว่าเป็น
ผู้สะอาด. |
|
( พุทฺธ ) |
องฺ. ติก. ๒๐/๓๕๒. |
|
|
|
๑๕๑. |
โกธโน อุปนาหี จ |
ปาปมกฺขี จ โย นโร |
|
วิปนฺนทิฏฺิ มายาวี |
ตํ ชฺา วสฺล อิติ. |
|
ผู้ใดมักโกรธ ผูกโกรธไว้ ลบหลู่เขาด้วยความชั่ว มีความเห็น
วิบัติ มีมายา พึงรู้ว่าคนนั้น เป็นคนเลว. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๓๔๙. |
|
|
|
๑๕๒. |
ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา |
สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา |
|
สพฺเพว โสรตา ทนฺตา |
สพฺเพว ปรินิพฺพุตา. |
|
กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล และคนงาน
ชั้นต่ำทั้งปวง สงบเสงี่ยมแล้ว ฝึกตนแล้ว ก็ปรินิพพาน
เหมือนกันหมด. |
|
( พฺราหฺมณ อุทฺทาลก ) |
ขุ. ชา. ปกิณฺณก. ๒๗/๓๗๖. |
|
|
|
๑๕๓. |
โจรํ หรนฺตํ วาเรนฺติ |
หรนฺโต สมโณ ปิโย |
|
สมณํ ปุนปฺปุนายนฺตํ |
อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา. |
|
บัณฑิตขัดขวางโจรผู้นำของไป, ส่วนสมณะนำไป ย่อมเป็น
ที่รัก, บัณฑิตย่อมยินดีต้อนรับสมณะผู้มาบ่อย ๆ. |
|
( พุทฺธ ) |
สํ. ส. ๒๕/๖๐. |
|
|
|
๑๕๔. |
ชยํ เวรํ ปสวติ |
ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต |
|
อุปสนฺโต สุขํ เสติ |
หิตฺวา ชยปราชยํ. |
|
ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ คนละความชนะ
และความแพ้ได้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๔๒. |
|
|
|
๑๕๕. |
ตสฺมา สตฺจ อสตฺจ |
นานา โหติ อิโต คติ |
|
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ |
สนฺโต สคฺคปรายนา. |
|
(เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม)
คติที่ไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษและอสัตบุรุษจึงต่างกัน, คืออสัตบุรุษไปนรก, สัตบุรุษไปสวรรค์. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ชา. มหา. ๒๘/๔๓๕. |
|
|
|
๑๕๖. |
ตสฺมา หิ ธีโร อิธุปฏฺิตาสติ
กาเม จ ปาเป จ อเสวมาโน
สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม
ปฏิโสตคามีติ ตมาหุ ปุคฺคลํ.
|
|
เพราะนักปราชญ์มีสติตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ไม่เสพกามและ
บาป พึงละกามพร้อมทั้งทุกข์ได้ ท่านจึงกล่าวบุคคลนั้นว่า
ผู้ไปทวนกระแส. |
|
( พุทฺธ ) |
องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๗. |
|
|
|
๑๕๗. |
ทุทฺททํ ททมานานํ |
ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ |
|
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ |
สนฺตธมฺโม ทุรนฺวโย. |
|
เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก, อสัตบุรุษ
ย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษ
จะประพฤติตาม. |
|
( โพธิสตฺต ) |
ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๖๓. |
|
|
|
๑๕๘. |
น ชจฺจา วสโล โหติ |
น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ |
|
กมฺมุนา วสโล โหติ |
กมฺมุนา โหติ พฺรมหฺมโณ. |
|
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาต
ิก็หาไม่ (แต่) เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐ
ก็เพราะการกระทำ. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๓๕๒. |
|
|
|
๑๕๙. |
นิฏฺํ คโต อสนฺตาสี |
วีตตณฺโห อนงฺคโณ |
|
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ |
อนฺติโมยํ สมุสฺสโย. |
|
บุคคลถึงความสำเร็จแล้ว (พระอรหัตผล) ไม่สะดุ้ง ปราศจาก
ตัณหา ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว
ร่างกายนี้จึงชื่อว่า มีในที่สุด. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๖๓. |
|
|
|
๑๖๐. |
นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส
นิมฺมกฺโข นิทฺธนฺตกสาวโมโห
นิราสโส สพฺพโลเก ภวิตฺวา
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.
|
|
ผู้ไม่ละโมภ ไม่อำพราง ไม่กระหาย ไม่ลบหลู่ ขจัดโมหะ
ดุจน้ำฝาดแล้ว ไม่มีความมุ่งหวัง ครอบงำโลกทั้งหมด ควรเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๓๓๖.
ขุ. จู. ๓๐/๓๗๙. |
|
|
|
๑๖๑. |
ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา
กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเก
กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน
ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสฺหิตํ.
|
|
บุคคลไม่ควรทำบาปซึ่งเป็นเครื่องกังวลในโลกทั้งปวง ด้วยกาย
วาจา หรือด้วยใจ มีสติสัมปชัญญะ ละกามทั้งหลายได้แล้ว
ไม่ควรเสพทุกข์อันประกอบด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์. |
|
( จุลฺลโกกนทา ปชฺชุนฺนธีตา ) |
สํ. ส. ๑๕/๔๒. |
|
|
|
๑๖๒. |
มทนิมฺมทนํ โสกนุทํ |
สํสารปริโมจนํ |
|
สพฺพทุกฺขกฺขยํ มคฺคํ |
สกฺกจฺจํ ปฏิปชฺชถ. |
|
ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามทางที่สร่างความเมา บรรเทา
ความโศก เปลื้องสงสาร เป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวง โดยความ
เคารพ. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. พุ. ๓๓/๔๑๕. |
|
|
|
๑๖๓. |
มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต
สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต
เอโก อรฺเ วิหรํ อปฺปมตฺโต
ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปารํ.
|
|
ผู้ใดละมานะ มีตนตั้งมั่นดีแล้ว มีใจดี หลุดพ้นในที่ทั้งปวง
อยู่ในป่าคนเดียว เป็นผู้ไม่ประมาท, ผู้นั้นพึงข้ามฝั่งแห่งแดน
มฤตยู. |
|
( พุทฺธ ) |
สํ. ส. ๒๕/๖. |
|
|
|
๑๖๔. |
โมสวชฺเช น นิยฺเยถ |
รูเป เสฺนหํ น กุพฺพเย |
|
มานฺจ ปริชาเชยฺย |
สาหสา วิรโต จเร. |
|
บุคคลไม่ควรนิยมการกล่าวคำเท็จ ไม่ควรทำความเสน่หา
ในรูปโฉม ควรกำหนดรู้มานะ และประพฤติงดเว้นจาก
ความผลุนผลัน. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๕๑๘.
ขุ. มหา. ๒๙/๕๑๗. |
๑๖๕. |
มาเนน วฺจิตา เส |
สงฺขาเรสุ สงฺกิลิสฺสมานา เส |
|
ลาภาลาเภน มถิตา |
สมาธึ นาธิคจฺฉนฺติ. |
|
ผู้ถูกมานะหลอกลวง เศร้าหมองอยู่ในสังขาร ถูกลาภและ
ความเสื่อมลาภย่ำยี ย่อมไม่ลุถึงสมาธิ. |
|
( เสตุจฺฉเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๒๘๓. |
|
|
|
๑๖๖. |
ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ |
อหึสา สฺโม ทโม |
|
ส เว วนฺตมโล ธีโร |
โส เถโรติ ปวุจฺจติ. |
|
ผู้ใดมีความสัตย์ มีธรรม มีความไม่เบียดเบียน มีความสำรวม
และมีความข่มใจ ผู้นั้นแล ชื่อว่า ผู้มีปัญญา หมดมลทิน
เขาเรียกท่านว่า เถระ. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๕๐. |
|
|
|
๑๖๗. |
ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต
อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนา
ทุกฺขํ ปริฺาย สโต ว ฌายติ
ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.
|
|
เมื่อใด บัณฑิตรู้ว่า ชราและมรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ซึ่ง
เป็นที่อาศัยแห่งปุถุชน มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้น ย่อมไม่ประสบ
ความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น. |
|
( ภูตเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๔๔. |
|
|
|
๑๖๘. |
ยสฺส ราโค จ โทโส จ |
มาโน มกฺโข จ ปาติโต |
|
สาสโปริว อารคฺคา |
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. |
|
ผู้ใดทำ ราคะ โทสะ มานะ และมักขะ ให้ตกไป
เหมือนทำให้เมล็ดผักกาดตกจากปลายเหล็กแหลม, เราเรียกผู้นั้นว่าพราหมณ์. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๖๙. |
|
|
|
๑๖๙. |
ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ |
อฺาย อกถงฺกถี |
|
อมโตคธํ อนุปฺปตฺตํ |
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. |
|
ผู้ใดไม่มีความอาลัย รู้แล้วหาความสงสัยมิได้ เราเรียกผู้หยั่ง
ลงสู่อมตะ บรรลุประโยชน์แล้วนั้นว่าเป็นพราหมณ์. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๗๐. |
|
|
|
๑๗๐. |
เย เกจิ กาเมสุ อสฺตา ชนา
อวีตราคา อิธ กามโภคิโน
ปุนปฺปุนํ ชาติชรูปคา หิ เต.
ตณฺหาธิปนฺนา อนุโสตคามิโน.
|
|
คนบางพวกเหล่าใด ไม่สำรวมในกาม ยังไม่ปราศจากราคะ
เป็นผู้บริโภคกามในโลกนี้, คนเหล่านั้นถูกตัณหาครอบงำ ลอยไปตามกระแส (ตัณหา) ต้องเป็นผู้เข้าถึงชาติชราร่ำไป. |
|
( พุทฺธ ) |
องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๗. |
|
|
|
๑๗๑. |
เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา |
ทุกมฺมนฺตี โมหปารุตา |
|
ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ |
มารกฺขิตฺตสฺมิ พนฺธเน. |
|
คนเหล่าใดเขลา มีปัญญาทราม มีความคิดเลว ถูกความหลง
ปกคลุม, คนเช่นนั้น ย่อมติดเครื่องผูกอันมารทอดไว้นั้น. |
|
( นนฺทกเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๑๒. |
|
|
|
๑๗๒. |
เย จ สีเลน สมฺปนฺนา |
ปฺายูปสเม รตา |
|
อารกา วิรตา ธีรา |
น โหนฺติ ปรปตฺติยา. |
|
ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบ
ด้วยปัญญา
ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว
ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น. |
|
( โพธิสตฺต ) |
ขุ. ชา. จตุกฺก. ๒๗/๑๔๓. |
|
|
|
๑๗๓. |
เย ฌานปสุตา ธีรา |
เนกฺขมฺมูปสเม รตา |
|
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ |
สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ. |
|
ผู้มีปัญญาเหล่าใด ขวนขวายในฌาน ยินดีในความสงบอันเกิด
จากเนกขัมมะ เทวดาทั้งหลายก็พอใจต่อผู้มีปัญญา ผู้รู้ดีแล้ว
มีสติเหล่านั้น. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๓๙. |
|
|
|
๑๗๔. |
เสยํ ราโค จ โทโส จ |
อวิชฺชา จ วิราชิตา |
|
ตาที ตตฺถ น รชฺชนฺติ |
ฉินฺนสุตฺตา อพนฺธนา. |
|
ราคะ โทสะ และอวิชชา อันผู้ใดหลุดพ้นแล้ว, ผู้นั้น เป็นผู้คงที่
มีสายล่ามขาดแล้ว ไม่มีเครื่องผูก ย่อมไม่ติดในที่นั้น. |
|
( นนฺทเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๑๒. |
|
|
|
๑๗๕. |
โย จ คุตฺเตน จิตฺเตน |
สุณาติ ชินสาสนํ |
|
เขเปตฺวา อาสเว สพฺเพ |
สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ |
|
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ |
ปรินิพฺพาติ อนาสโว. |
|
ผู้ใดมีจิตคุ้มครองแล้ว ฟังคำสอนของพระชินเจ้า ผู้นั้นชื่อว่า
ให้อาสวะทั้งปวงสิ้นไป ทำให้แจ้งซึ่งอกุปปธรรม, บรรลุ
ความสงบอย่างยิ่ง ไม่มีอาสวะ ย่อมดับสนิท. |
|
( ยสทตฺตเถร ) |
ขุ. เถร. ๒๖/๓๒๓. |
|
|
|
๑๗๖. |
โย เตสุ คุตฺโต วิทิตินฺทฺริโย จเร
ธมฺเม ิโต อชฺชวมทฺทเว รโต
สงฺคาติโค สพฺพทุกฺขปฺปหีโน
น ลิมฺปตี ทิฏฺสุเตสุ ธีโร.
|
|
ผู้ใด ระมัดระวังอินทรีย์เหล่านั้น รู้จักอินทรีย์ ๖ ตั้งอยู่ในธรรม
ยินดีในความซื่อตรงและความอ่อนโยน ล่วงกิเลสเครื่องข้อง
เสียได้
ละทุกข์ได้ทั้งหมดเที่ยวไป, ผู้นั้น เป็นธีรชน ย่อมไม่ติด
ในสิ่งที่เห็นแล้วและได้ฟังแล้ว. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๓๗๔. |
|
|
|
๑๗๗. |
โรสโก กทริโย จ |
ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโ |
|
อหิริโก อฺนตฺตปฺปี |
ตํ ชฺา วสฺโล อิติ. |
|
ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่
โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็น
คนเลว. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๓๕๑. |
|
|
|
๑๗๘. |
ลาภกมฺยา น สิกฺขติ |
อลาเภ จ น กุปฺปติ |
|
อวิรุทฺโธ จ ตณฺหาย |
รเส จ นานุคิชฺฌติ. |
|
บัณฑิตไม่ศึกษา เพราะอยากได้ลาภ, ไม่ขุ่นเคือง เพราะ
เสื่อมลาภ, ไม่ยินดียินร้ายเพราะตัณหา และไม่ติดในรส. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๕๐๑.
ขุ. มหา. ๒๙/๒๘๔. |
|
|
|
๑๗๘. |
สงฺขาย โลกสฺมิ ปโรปรานิ
ยสฺสิฺชตํ ขตฺถิ กุหิฺจิ โลเก
สนฺโต วิธูโม อนีโฆ นิราโส
อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมิ.
|
|
ผู้ใดพิจารณาเห็นความยิ่งและหย่อนในโลกแล้ว ไม่มีความ
หวั่นไหวในอารมณ์ไหน ๆ ในโลก, เรากล่าวว่า ผู้นั้นเป็นผู้สงบ
ไม่มีกิเลสดุจควันไฟ ไม่มีทุกข์ ปราศจากตัณหา ข้ามชาติชราได้. |
|
( พุทฺธ ) |
องฺ. ติก. ๒๐/๑๖๙. |
|
|
|
๑๘๐. |
สพฺพทา เว สุขํ เสติ |
พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต |
|
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ |
สีติภูโต นิรูปธิ. |
|
ผู้ใดเป็นผู้เยือกเย็น ไม่มีอุปธิ ไม่ติดในกาม, ผู้นั้นเป็น
พราหมณ์ เป็นผู้ดับแล้ว อยู่เป็นสุขทุกเมื่อ. |
|
( พุทฺธ ) |
สํ. ส. ๑๕/๓๑๒. |
|
|
|
๑๘๑. |
สพฺพโส นามรูปสฺมึ |
ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ |
|
อสตา จ น โสจติ |
ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ. |
|
ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่าของเราในนามรูปโดยประการทั้งปวง
และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปที่ไม่มีอยู่, ผู้นั้นแล
ท่านเรียกว่าภิกษุ. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. ธ. ๒๕/๖๕. |
|
|
|
๑๘๒. |
สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา |
วิเนยฺย หทเย ทรํ |
|
อุปสนฺโต สุขํ เสติ |
สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส. |
|
ผู้ใดตัดความข้องทั้งปวงแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายใจ
ได้, ผู้นั้น ถึงความสงบใจ เป็นผู้สงบระงับอยู่เป็นสุข. |
|
( พุทฺธ ) |
องฺ. ติก. ๒๐/๑๗๕. |
|
|
|
๑๘๓. |
สพฺเพสุ กาเมสุ โย วีตราโค
อากิฺจฺํ นิสฺสิโต หิตฺวมฺํ
สฺาวิโมกฺเข ปรเมธิมุตฺโต
ติฏฺเยฺย โส ตตฺถ อนานุยายี.
|
|
ผู้ใดปราศจากความติดในกามทั้งปวง ล่วงฌานอื่นได้แล้ว
อาศัยอากิญจัญญายตนฌาน น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์
อันประเสริฐ,
ผู้นั้นจะพึงในอากิญจัญญายตนฌานนั้น ไม่มีเสื่อม. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๘.
ขุ. จู. ๓๐/๑๓๓. |
|
|
|
๑๘๔. |
ส วีตราโค ส วิเนยฺย โทสํ
เมตฺตจิตฺตํ ภาวเยฺย อปฺปมาณํ
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ
อนินฺทิโต พฺรหฺมมุเปติ านํ.
|
|
ผู้ปราศจากราคะ และกำจัดโทสะได้แล้วนั้น พึงเจริญเมตตาจิต
ไม่มีประมาณ. ผู้นั้น งดอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว ไม่ถูกติเตียน
ย่อมเข้าถึงสถานอันประเสริฐ. |
|
( สรภงฺคโพธิสตฺต ) |
ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๔๒. |
|
|
|
๑๘๕. |
โส อุภนฺตมภิฺาย |
มชฺเฌ มนฺตา น ลิมฺปติ |
|
ตํ พฺรูมิ มหาปุริโสติ |
โส อิธ สิพฺพนิมจฺจคา. |
|
ผู้ (ดับกิเลสได้แล้วหมดความหวั่นไหว) นั้น รู้ที่สุดทั้ง ๒ แล้ว
ย่อมไม่ติดในท่ามกลางด้วยปัญญา, เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นมหาบุรุษ
ผู้นั้นละตัณหาเครื่องเย็บร้อยใจในโลกนี้ได้แล้ว. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๒.
ขุ. จู. ๓๐/๓๕. |
|
|
|
๑๘๖. |
โสกปริเทวมจฺฉรํ
น ชหนฺติ คิทฺธา มมายิเต
ตสฺมา มุนโย ปริคฺคหํ
หิตฺวา อจรึสุ เขมทสฺสิโน.
|
|
ผู้ติดในสิ่งที่ยึดถือว่าของเรา ย่อมละความโศกเศร้า
ความรำพัน และความตระหนี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น มุนีทั้งหลายผู้เห็นความปลอดภัย จึงละความยึดถือไปได้. |
|
( พุทฺธ ) |
ขุ. สุ. ๒๕/๑๙๓.
ขุ. มหา. ๒๙/๑๕๔. |
|
|
|
๑๘๗. |
โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา
โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา
น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ.
|
|
ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโค
เหมือนกัน, นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้นไม่ต้องเศร้าโศกเลย. |
|
( พุทฺธ ) |
สํ. ส. ๑๕/๙. |
|
|
|