ปัญหาและเฉลย
วิชาธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี
สอบในสนามหลวง
วันพุธ ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๓.๕๐ น.




คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วกากบาทลงในช่องของข้อ
ที่ต้องการในกระดาษคำตอบ ให้เวลา ๕๐ นาที (๑๐๐ คะแนน)
   
๑. ธรรมข้อใด อุดหนุนมิให้คนทำอะไรผิดพลาด ?
  ก. หิริ โอตตัปปะ ข. ขันติ โสรัจจะ
  ค. กตัญญูกตเวที ง. สติ สัมปชัญญะ
 
๒. ข้อใด เป็นความหมายของสัมปชัญญะ ?
  ก. ความระลึกได้ ข. ความรู้ตัว
  ค. ความรอบรู้ ง. ความรู้จริง
 
๓. ระลึกได้ว่าวันนี้ต้องไปทำงาน เป็นลักษณะของธรรมข้อใด ?
  ก. หิริ ข. โอตตัปปะ
  ค. สติ ง. สัมปชัญญะ
 
๔. ธรรมที่เป็นข้าศึกของสติ ได้แก่อะไร ?
  ก. ความประมาท ข. ความโกรธ
  ค. ความละอาย ง. ความโลภ
 
๕. ผู้มีหิริอยู่ในใจ ชื่อว่าไม่ทำความชั่ว เพราะสาเหตุใด ?
  ก. กลัวคนเห็น ข. กลัวติดคุก
  ค. ละอายคนอื่น ง. ละอายใจ
 
๖. ธรรมสำหรับทำคนให้เป็นเทวดา คืออะไร ?
  ก. ขันติ โสรัจจะ ข. หิริ โอตตัปปะ
  ค. เมตตา กรุณา ง. อโลภะ อโมหะ
 
๗. ธรรมข้อใด ทำคนให้มีความงามโดยมิต้องเสริมแต่ง ?
  ก. ขันติ โสรัจจะ ข. สติ สัมปชัญญะ
  ค. หิริ โอตตัปปะ ง. เมตตา กรุณา
 
๘. จะรู้ได้อย่างไรว่า คนที่เราคบด้วยเป็นคนดี ?
  ก. ตักบาตรประจำ ข. มีมนุษย์สัมพันธ์
  ค. ขยันทำการงาน ง. รู้จักทดแทนคุณ
 
๙. กตัญญูกตเวที ชื่อว่าหาได้ยาก เพราะถูกอะไรครอบงำ ?
  ก. อบายมุข ข. นิวรณ์
  ค. ความตระหนี่ ง. ความโกรธ
 
๑๐. องค์ประกอบสำคัญของพระพุทธศาสนา คืออะไร ?
  ก. พระพุทธเจ้า ข. พระธรรม
  ค. พระสงฆ์ ง. พระรัตนตรัย
 
๑๑. คำว่า “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน”  ตรงกับข้อใด ?
  ก. พระพุทธเจ้า ข. พระธรรม
  ค. พระสงฆ์ ง. พระสาวก
 
๑๒. พระบริสุทธิคุณ เป็นคุณของข้อใด ?
  ก. พระสงฆ์ ข. พระธรรม
  ค. พระอรหันต์ ง. พระพุทธเจ้า
 
๑๓. การนับถือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก เรียกว่าอะไร ?
  ก. ไตรรัตน์ ข. ไตรปิฎก
  ค. ไตรสิกขา ง. ไตรสรณคมน์
 
๑๔. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ชื่อว่ารัตนะ เพราะเหตุใด ?
  ก. มีราคาดี ข. มีค่าน่ายินดี
  ค. มีความขลังดี ง. มีคนรู้จักดี
 
๑๕. ผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยแล้วสอนผู้อื่น ตรงกับข้อใด ?
  ก. พุทธบริษัท ข. พระอรหันต์
  ค. ภิกษุณี ง. พระสงฆ์
 
๑๖. คำสอนที่เป็นโอวาทปาฏิโมกข์ ตรงกับข้อใด ?
  ก. ทาน ศีล ภาวนา ข. ศีล สมาธิ ปัญญา
  ค. อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ง. ไม่ทำชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส
 
๑๗. คนต้มตุ๋นหลอกลวง ชื่อว่าประพฤติวจีทุจริตข้อใด ?
  ก. พูดเท็จ ข. พูดส่อเสียด
  ค. พูดคำหยาบ ง. พูดเพ้อเจ้อ
   
๑๘. วจีทุจริตข้อใด เป็นเหตุให้หมู่คณะแตกร้าว ?
  ก. พูดเท็จ ข. พูดคำหยาบ
  ค. พูดเพ้อเจ้อ ง. พูดส่อเสียด
 
๑๙. “ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต” ตรงกับ
วจีสุจริตข้อใด ?
  ก. ไม่พูดเท็จ ข. ไม่พูดส่อเสียด
  ค. ไม่พูดคำหยาบ ง. ไม่พูดเพ้อเจ้อ
 
๒๐. การกระทำในข้อใด จัดเป็นมโนสุจริต ?
  ก. คิดดี ข. ทำดี
  ค. พูดดี ง. อวดดี
 
๒๑. กุศลมูลข้อใด เป็นเหตุให้คนบำเพ็ญทานเพื่อกำจัดความโลภ ?
  ก. อโลภะ ข. อโทสะ
  ค. อโมหะ ง. ถูกทุกข้อ
 
๒๒. คนไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักเต็ม ด้วยปัจจัย ๔ จัดเป็นคนเช่นไร ?
  ก. คนมีมานะ ข. คนมีโลภะ
  ค. คนมีโทสะ ง. คนมีโมหะ
 
๒๓. คนไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผล ไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว จัดเป็นคนเช่นไร ?
  ก. คนมีโมหะ ข. ศีลกำจัดความหลง
  ค. คนมีฉันทะ ง. ทานกำจัดความโลภ
 
๒๔. ข้อใด กล่าวไม่ถูกต้อง ?
  ก. ภาวนากำจัดโมหะ ข. ศีลกำจัดความหลง
  ค. ศีลกำจัดความโกรธ ง. ทานกำจัดความโลภ
 
๒๕. ผู้มีเมตตาดี ไม่มีเวรภัยแก่ใคร ไม่มักโกรธ เพราะทำบุญอะไร ?
  ก. ให้ทาน ข. รักษาศีล
  ค. เจริญภาวนา ง. วางอุเบกขา
 
๒๖. “คบคนดี ฟังวจีท่าน คิดอ่านปัญหา ค้นคว้าปฏิบัติ”คือข้อใด ?
  ก. วุฒิ ๔ ข. จักร ๔
  ค. อิทธิบาท ๔ ง. ปธาน ๔
 
๒๗. อกุศลธรรมใด เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้เสียความยุติธรรม ?
  ก. พยาบาท ข. กามฉันทะ
  ค. วิจิกิจฉา ง. ฉันทาคติ
 
๒๘. คนที่รักษาความดีของตนไว้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม ได้ชื่อว่าปฏิบัติตน
ตามหลักของปธานธรรมข้อใด ?
  ก. เพียรระวังบาปไม่ให้เกิด ข. เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
  ค. เพียรให้กุศลเกิดขึ้น ง. เพียรรักษากุศลไม่ให้เสื่อม
 
๒๙. สภาพเศรษฐกิจที่วิกฤติ ทำให้คนเป็นจำนวนมากหดหู่ ท้อแท้ เพราะอำนาจ
ของนิวรณ์ข้อใด ?
  ก. กามฉันทะ ข. พยาบาท
  ค. ถีนมิทธะ ง. วิจิกิจฉา
 
๓๐. คนที่ได้รับความสำเร็จในชีวิต เนื่องมาจากธรรมหมวดใด ?
  ก. ปธาน ๔ ข. จักร ๔
  ค. วุฒิ ๔ ง. อิทธิบาท ๔
 
๓๑. การให้รางวัลแก่นักกีฬาที่ได้เหรียญทอง เป็นพรหมวิหารข้อใด ?
  ก. เมตตา ข. กรุณา
  ค. มุทิตา  ง. อุเบกขา
 
๓๒. ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เรียกว่าอะไรในอริยสัจ ๔ ?
  ก. ทุกข์ ข. สมุทัย
  ค. นิโรธ ง. มรรค
 
๓๓. สำนวนว่า “รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา ภายหน้าเติบใหญ่ ได้งานทำ” จัดเข้า
ในคารวะข้อใด ?
  ก. พระพุทธเจ้า ข. การศึกษา
  ค. พระธรรม ง. การต้อนรับ
 
๓๔. การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสังคม ตรงกับสัปปุริสธรรมข้อใด ?
  ก. รู้จักเหตุ ข. รู้จักผล
  ค. รู้จักบุคคล ง. รู้จักชุมชน
 
๓๕. สำนวนว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก”  หมายถึงสัปปุริสธรรมข้อใด ?
  ก. ธัมมัญญุตา ข. อัตถัญญุตา
  ค. กาลัญญุตา ง. อัตตัญญุตา
 
๓๖. เมื่อประสบโลกธรรม ควรปฏิบัติตนอย่างไร ?
  ก. แสวงหาความถูกต้อง ข. ทำจิตมิให้ยินดียินร้าย
  ค. ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ง. อ่านหนังสือธรรมะ
   
๓๗. “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์” 
ตรงกับทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ข้อใด ?
  ก. อุฏฐานสัมปทา ข. อารักขสัมปทา
  ค. กัลยาณมิตตตา ง. สมชีวิตา
 
๓๘. การใช้จ่ายทรัพย์เกินฐานะของตน ตรงกับคำพังเพยใด ?
  ก. นกน้อยทำรังแต่พอตัว ข. เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
  ค. เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ง. เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง
 
๓๙. เพื่อนที่คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว จัดเข้าในมิตรเทียมข้อใด ?
  ก. คนปอกลอก ข. คนหัวประจบ
  ค. คนดีแต่พูด ง. คนชวนทำชั่ว
 
๔๐. เพื่อนที่ออกปากพึ่งมิได้ เป็นลักษณะของมิตรเทียมข้อใด ?
  ก. คนดีแต่พูด ข. คนปอกลอก
  ค. คนหัวประจบ ง. คนชวนให้ฉิบหาย
 
๔๑. ตัวเองติดยาเสพติด จึงชักชวนเพื่อนๆ ให้ร่วมทดลองเสพด้วย
จัดเป็นมิตรประเภทใด ?
  ก. มิตรมีอุปการะ ข. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
  ค. มิตรมีความรักใคร่ ง. มิตรชักชวนในทางฉิบหาย
 
๔๒. อยากเป็นคนดีของสังคม ควรคบมิตรประเภทใด ?
  ก. มิตรมีอุปการะ ข. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
  ค. มิตรแนะประโยชน์ ง. มิตรมีความรักใคร่
 
๔๓. “วางตนเหมาะสม”  ตรงกับสังคหวัตถุข้อใด ?
  ก. ทาน ข. ปิยวาจา
  ค. สมานัตตตา ง. อัตถจริยา
 
๔๔. หลักการครองเรือนข้อใด สอนให้รู้จักข่มใจเมื่อรู้สึกโกรธ ?
  ก. สัจจะ ข. ทมะ
  ค. ขันติ ง. จาคะ
 
๔๕. ผู้ที่ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ชื่อว่าปฏิบัติตนตามหลักของ
ฆราวาสธรรมข้อใด ?
  ก. สัจจะ ข. ทมะ
  ค. ขันติ ง. จาคะ
 
๔๖. การค้าขายชนิดใด ไม่เป็นข้อห้ามสำหรับอุบาสกอุบาสิกา ?
  ก. ค้าขายเครื่องประหาร ข. ค้าขายเครื่องประดับ
  ค. ค้าขายสัตว์เป็นอาหาร ง. ค้าขายมนุษย์
 
๔๗. ใครมักจะอ้างว่า “หนาวนัก ร้อนนัก” แล้วไม่ทำการงาน ?
  ก. คนป่วย ข. คนเกียจคร้าน
  ค. คนอดนอน ง. คนขยันเรียน
 
๔๘. “ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี มอบทรัพย์มรดกให้”
เป็นหน้าที่ของใครในเรื่องทิศ ๖ ?
  ก. มารดาบิดา ข. ครู อาจารย์
  ค. บุตรภรรยา ง. สมณพราหมณ์
 
๔๙. “เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน”  เป็นลักษณะของอบายมุขข้อใด ?
  ก. เที่ยวกลางคืน ข. ดื่มน้ำเมา
  ค. เล่นการพนัน ง. เที่ยวดูการเล่น
 
๕๐. “ไม่รู้จักอาย”  เป็นลักษณะของอบายมุขข้อใด ?
  ก. ดื่มน้ำเมา ข. เที่ยวกลางคืน
  ค. คบคนชั่ว ง. เล่นการพนัน
         
     
เอกสารอ้างอิง    
  เรื่องสอบธรรม ของสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ.๒๕๔๗. หน้า ๑๑๕-๑๒๓.
         

ข้อสอบสนามหลวง