ปัญหาและเฉลย
วิชาธรรม ธรรมศึกษาชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันจันทร์ ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘
เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๓.๕๐ น.




คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วกากบาท (X) ลงในช่อง
ของข้อที่ต้องการในกระดาษคำตอบ ให้เวลา ๕๐ นาที (๑๐๐ คะแนน)
   
๑. นักศึกษาควรมองโลก โดยเปรียบเทียบกับอะไร ?
  ก. ยาพิษ ข. ของมึนเมา
  ค. อาหารและยา ง. ถูกทุกข้อ
 
๒. พระพุทธองค์ตรัสเรียกคนไร้วิจารณญาณว่าอะไร ?
  ก. พวกอันธพาล ข. พวกนอกลัทธิ
  ค. พวกบุรุษเปล่า ง. พวกคนเขลา
 
๓. พระองค์ตรัสเรียก ผู้รู้โลกตามความเป็นจริงว่าอะไร ?
  ก. ผู้รู้ ข. ผู้รู้โลกธรรม
  ค. ผู้รู้ทันเหตุการณ์ ง. ผู้รู้พระไตรปิฎก
 
๔. ทรงมีพุทธประสงค์ใด จึงตรัสชวนให้มาดูโลกนี้ ?
  ก. เพื่อไม่ให้หลง ข. เพื่อให้เห็นคุณและโทษ
  ค. เพื่อไม่ให้มัวเมาติดอยู่ ง. ถูกทุกข้อ
 
๕. คนเช่นไร ควรสงเคราะห์เข้าในคำว่า “มาร” ?
  ก. คนเป็นศัตรูกัน ข. คนขัดขวางการทำดี
  ค. คนอันธพาล ง. คนโกหกหลอกลวง
 
๖. อะไรเรียกว่า “บ่วงแห่งมาร” ?
  ก. อายตนะภายใน ข. อายตนะภายนอก
  ค. โลภ โกรธ หลง ง. สิ่งที่ผูกใจให้ติดอยู่
 
๗. ทำอย่างไร จึงจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร ?
  ก. สำรวมอินทรีย์มิให้
ความยินดีครอบงำ
ข. รักษาศีลให้บริสุทธิ์
  ค. ปรับอารมณ์มิให้ขุ่นมัว ง. หมั่นอ่านหนังสือธรรมะ
 
๘. ความไม่ดีในข้อใด จัดเป็นมาร ?
  ก. ความโกรธทำลายล้าง ข. ความเกียจคร้าน
  ค. เจตสิกอันเศร้าหมองชัก
ให้ใคร่
ง. ความเห็นแก่ตัว
 
๙. ปฏิบัติอย่างไร จึงจะตัดบ่วงแห่งมารได้ เป็นสมุจเฉทปหาน ?
  ก. สำรวมอินทรีย์ ข. มนสิการกัมมัฏฐาน
  ค. เจริญวิปัสสนา ง. เข้าฌานสมาบัติ
 
๑๐. คำว่า “สังขาร” ในปฏิปทาแห่งนิพพิทา หมายถึงอะไร ?
  ก. สภาพที่ปรุงแต่งจิต ข. ปัญจขันธ์
  ค. อินทรีย์ ง. อายตนะ
 
๑๑. ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปแห่งสังขาร เป็นลักษณะแห่งอะไร ?
  ก. อนิจจลักษณะ ข. ทุกขลักษณะ
  ค. อนัตตลักษณะ ง. สัปปุริสลักษณะ
 
๑๒. ทุกข์เพราะหาเงินไม่พอใช้ จัดเป็นทุกข์อะไร ?
  ก. สภาวทุกข์ ข. นิพัทธทุกข์
  ค. วิปากทุกข์ ง. อาหารปริเยฏฐิทุกข์
 
๑๓. ทุกข์ไปด้วยกัน หรือทุกข์กำกับกัน  อันได้ชื่อว่าสหคตทุกข์
ตรงกับข้อใด ?
  ก. ขันธ์ ๕ ข. อายตนะ ๑๒
  ค. อคติ ๔ ง. โลกธรรม ๘
 
๑๔. ทุกขขันธ์ อันเป็นทุกข์รวบยอด ได้แก่อะไร ?
  ก. ความยึดมั่นปัญจขันธ์ ข. การหาเลี้ยงปัญจขันธ์
  ค. การเยียวยาปัญจขันธ์ ง. ความหนักแห่งปัญจขันธ์
 
๑๕. ข้อใด จัดเป็นปกิณณกทุกข์ ?
  ก. ความแก่ ข. ความเศร้าโศกเสียใจ
  ค. ความหิวกระหาย ง. ความทะเลาะวิวาท
 
๑๖. สังขารเป็นอนัตตา โดยความเป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ คือข้อใด?
  ก. นั่นมิใช่ของเรา ข. นั่นมิใช่เรา
  ค. นั่นมิใช่ตัวของเรา ง. ถูกทุกข้อ
 
๑๗. เพราะอะไรปิดบังไว้ จึงไม่เห็นสังขารเป็นอนัตตา ?
  ก. สำคัญว่าเที่ยง ข. สำคัญว่าไม่ใช่ของเรา
  ค. สำคัญว่าเป็นสุข ง. สำคัญว่าเป็นกองเป็นก้อน
 
๑๘. ความเบื่อหน่ายเกิดจากปัญญานั้น ได้แก่เบื่อหน่ายอะไร ?
  ก. เบื่อหน่ายทั่วไป ข. เบื่อหน่ายสังขาร
  ค. เบื่อหน่ายปัญจขันธ์ ง. เบื่อหน่ายภพชาติ
 
๑๙. เมื่อจิตเบื่อหน่าย ย่อมเกิดอะไรขึ้น ?
  ก. ความไม่ฟุ้งซ่าน ข. ความไม่หลง
  ค. ความสิ้นกิเลส ง. ความสิ้นกำหนัด
 
๒๐. ข้อว่า “ธรรมยังความเมาให้สร่าง” นั้น เมาอะไร ?
  ก. เมาสุราเมรัย ข. เมาสิ่งเสพติดให้โทษ
  ค. เมาอายุ วัย ยศ ง. เมากิเลส ตัณหา ราคะ
 
๒๑. ข้อว่า “นำเสียซึ่งความระหาย” หมายความว่าอย่างไร ?
  ก. กำจัดความหิวได้ ข. กำจัดความทุกข์ร้อนได้
  ค. กำจัดตัณหาเสียได้ ง. กำจัดความยากจนได้
 
๒๒. ข้อใด มีความหมายตรงกับคำว่า “อาลัย” ?
  ก. ความติดใจ ข. ความสูญเสีย
  ค. ความเศร้าโศก ง. ความสมหวัง
 
๒๓. ข้อใด ไม่ใช่ความหมายของตัณหา ?
  ก. ความอยาก ข. ความหงุดหงิด
  ค. ความเพลิดเพลิน ง. ความปรารถนา
 
๒๔. วิกขัมภนวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยข่มไว้นั้น ข่มอะไร ?
  ก. นิวรณ์ ข. โทสะ
  ค. ตัณหา ง. กิเลส
 
๒๕. การบรรลุอริยผล ด้วยการเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว จัดเป็น...?
  ก. เจโตวิมุตติ ข. ปัญญาวิมุตติ
  ค. วิกขัมภนวิมุตติ ง. สมุจเฉทวิมุตติ
 
๒๖. ข้อใด ไม่ใช่สัมมาสังกัปปะ ?
  ก. คิดลด ละ เลิกกาม ข. คิดลด ละ เลิกพยาบาท
  ค. คิดลด ละ เลิกชีวิต ง. คิดลด ละ เลิกเบียดเบียน
 
๒๗. ข้อใด ไม่ใช่สัมมากัมมันตะ ?
  ก. เว้นธุรกิจผิดกฎหมาย ข. เว้นเจรจาหลอกลวง
  ค. เว้นลักฉ้อคอร์รัปชั่น ง. เว้นธุรกิจค้าประเวณี
 
๒๘. ข้อใด ไม่ใช่สัมมาวายามะ ?
  ก. เพียรพยายามหนีปัญหา ข. เพียรหาวิธีป้องกันปัญหา
  ค. เพียรพยายามระงับปัญหา ง. เพียรพัฒนาสิ่งดีงามขึ้นมา
 
๒๙. ข้อใด ไม่นับเข้าในสัมมาสติ ?
  ก. เห็นโลกว่าเที่ยง ข. เห็นกายว่าเป็นสิ่งไม่งาม
  ค. เห็นเวทนาว่าแปรปรวน ง. เห็นจิตว่ามีความเกิดดับ
 
๓๐. สัมมาสติ จัดเข้าในวิสุทธิข้อใด ?
  ก. สีลวิสุทธิ ข. จิตตวิสุทธิ
  ค. ทิฏฐิวิสุทธิ ง. กังขาวิตรณวิสุทธิ
 
๓๑. ข้อใด มีความหมายสอดคล้องกับสีลวิสุทธิ ?
  ก. เบื่อหน่ายการอยู่ครองเรือน ข. ประกอบอาชีพสุจริต
  ค. เห็นว่าทุกข์เป็นสิ่งมีอยู่จริง ง. สอดคล้องทั้ง ๓ ข้อ
 
๓๒. ข้อใด ไม่ใช่แนวคิดแบบวิถีพุทธ ?
  ก. อยากได้สันติ ควรพอกพูน
ทางสันติ
ข. ผู้มุ่งสันติ ควรละผล
ประโยชน์ที่เป็นอามิส
  ค. อยากให้เกิดสันติ ควรทำ
ให้คนเลิกจน
ง. สันติภาพภายนอก เกิดจาก
สันติภาพภายใน
 
๓๓. ข้อใด จัดว่าสวนทางกับพระนิพพาน ?
  ก. วิมุตติ หลุดพ้น ข. วิสุทธิ บริสุทธิ์
  ค. อรติ ไม่ยินดี ง. สันติ สงบ
 
๓๔. ผู้เพ่งความสงบพึงละโลกามิสเสีย” โลกามิสคืออะไร ?
  ก. กามคุณ ข. กามฉันทะ
  ค. กามกิเลส ง. กามราคะ
 
๓๕. ปฏิบัติเช่นไร ชื่อว่าปฏิบัติใกล้พระนิพพาน ?
  ก. ยินดีในสมถะ ข. ยินดีในวิปัสสนา
  ค. เห็นโทษการครองเรือน ง. เห็นภัยในความประมาท
 
๓๖. ผู้มีจิตเป็นสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นอะไร ?
  ก. สภาพเป็นจริง ข. ภพชาติ
  ค. อารมณ์ ง. ตัวตน
 
๓๗. กายคตาสติ สติไปในกาย พึงกำหนดเห็นด้วยอาการอย่างไร ?
  ก. เห็นอาการ ๓๒ ข. เห็นเป็นของน่าเกลียด
  ค. เห็นว่าไม่เที่ยง ง. เห็นว่าไม่มีตัวตน
 
๓๘. กายคตาสตินั้น เป็นคู่ปรับแก่นิวรณ์ใด ?
  ก. กามฉันทะ ข. ถีนมิทธะ
  ค. อุทธัจจกุกกุจจะ ง. วิจิกิจฉา
 
๓๙. ผู้หมั่นเจริญเมตตา ย่อมได้อานิสงส์อะไร ?
  ก. รักตัวเองมากขึ้น ข. รักผู้อื่นมากขึ้น
  ค. กำจัดโทสะเสียได้ ง. รู้จักให้อภัยไม่จองเวร
 
๔๐. วิธีแผ่กรุณา ท่านสอนให้แผ่อย่างไร ?
  ก. ขอสัตว์จงเป็นสุขเถิด ข. ขอสัตว์จงพ้นจากทุกข์เถิด
  ค. ขอสัตว์อย่าจองเวรกัน ง. ขอสัตว์อย่าเบียดเบียนกัน
 
๔๑. ข้อใด เป็นวิธีแผ่มุทิตา ?
  ก. ขอสัตว์จงเป็นสุขเถิด ข. ขอสัตว์จงมีสุขยิ่งขึ้นไป
  ค. ขอสัตว์จงพ้นทุกข์ ง. ขอสัตว์จงอย่ามีเวรกัน
 
๔๒. ขณะกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง ควรมีสติระลึกถึงอะไร ?
  ก. พระรัตนตรัย ข. คุณพระรัตนตรัย
  ค. พระพุทธคุณ ง. พระธรรมคุณ
 
๔๓. การเจริญมรณัสสติว่า “อวสฺสํ มยา มริตพฺพํ เราต้องตายแน่
ควรเจริญในขณะใด ?
  ก. ขณะรดน้ำศพ ข. ขณะฟังสวดพระอภิธรรม
  ค. ขณะเผาศพ ง. เจริญได้ทุกขณะ
 
๔๔. เมื่อกล่าวบทว่า “นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ควรมีสติกำหนดอะไร จึงเป็นการเจริญกัมมัฏฐาน ?
  ก. พระพุทธคุณ ข. พระธรรมคุณ
  ค. พระสังฆคุณ ง. กำหนดจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน
 
๔๕. ขณะรับบิณฑบาต พระสงฆ์พึงเจริญกัมมัฏฐานอะไร ?
  ก. เมตตาพรหมวิหาร ข. อาหาเรปฏิกูลสัญญา
  ค. ไม่ได้เจริญแต่สำรวมระวัง ง. ไม่ได้เจริญแต่สวดให้พร
 
๔๖. พระสงฆ์ออกเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใด ?
  ก. เพื่อขัดเกลากิเลส ข. เพื่อไม่ติดที่และบุคคล
  ค. เพื่อเผยแผ่ธรรม ง. ถูกทุกข้อ
 
๔๗. พระธุดงค์ประเภทใด ถือว่าปฏิบัติไม่ถูกต้อง ?
  ก. นำวัตถุมงคลไปแจก ข. ดูหมอ ให้หวย
  ค. ปักกลดย่านชุมชน ง. ถูกทุกข้อ
 
๔๘. คำว่า “ทำงานด้วยจิตว่าง” นั้น หมายถึงทำอย่างไร ?
  ก. เจริญกัมมัฏฐานไปด้วย ข. ไม่ให้ถูกความโกรธครอบงำ
  ค. ทำจิตให้ปราศจากอารมณ์ ง. ทำงานอย่างมีสติ
 
๔๙. คำว่า “จิตว่าง” นั้น หมายถึงว่างจากอะไร ?
  ก. อารมณ์ ข. นิวรณ์
  ค. ความเครียด ง. ความกังวล
 
๕๐. อะไรเป็นผลสูงสุดของวิปัสสนา ?
  ก. เห็นสังขารตามเป็นจริง ข. เห็นสังขารเกิดดับ
  ค. เห็นสังขารน่ากลัว ง. เห็นสังขารเป็นทุกข์
         
     
เอกสารอ้างอิง    
  เรื่องสอบธรรม ของสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ.๒๕๔๘. หน้า ๑๘๗-๑๙๗.
         

ข้อสอบสนามหลวง